MeisanmuiPOD:ธุรกิจสร้างสรรค์/ทัศนศิลป์

ยินดีต้อนรับสู่ Meisanmui Podcast Show | แนวคิดในการ ทำงาน วาดภาพ รายการเกี่ยวกับภาพประกอบและไลฟ์สไตล์ รายการแรกตั้งแต่ปี 2010 กด subscribe เพื่อติดตามเนื้อหารายการของเราอย่างต่อเนื่อง อัพเดทอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ สมัครเรียน line @meisanmui 0860857889

Listen on:

  • Podbean App

Episodes

Art transformation through self

Thursday Nov 17, 2022

Thursday Nov 17, 2022

Art transformation through self
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Tuesday Nov 15, 2022

ฝึกวาดเป็นเร็วที่สุด
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Friday Oct 28, 2022

:)
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Sunday Oct 02, 2022

Kintsugi และ man's search for meaning
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Wednesday Aug 03, 2022

การสร้างตัวตน ใน tiktok พื้นฐาน
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Monday Jul 18, 2022

เวลาที่ยาวนานกับการทำความเข้าใจผลงานอาจารย์อามาโนะ
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Sunday Jul 17, 2022

บันทึกที่สำคัญมาก!!
แว้บมาบันทึกนิดนึงนะคะ
อยากจะบันทึกบทเรียนวันนี้สักหน่อยนั่นก็คือเรื่องของ 'ความรัก'
ถ้าใครมีปัญหาเรื่องความรักและปมเรื่องความรักสิ่งที่เราจะแนะนำเป็นสิ่งแรกในการที่จะเผชิญหน้าและแก้ไขก่อนไม่ใช่การ 'หาคู่' นะคะ
แต่เป็นการ'แก้ไขสภาวะจิตใจ'ของตัวเองในการที่จะดีลหรือปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่พี่น้องและความสัมพันธ์รอบๆตัวมากกว่าอย่างแรกเลยคือเรื่องของอีโก้เวลาเราทะเลาะกับครอบครัวหรือเพื่อนเราจะมีอีโก้เสมอว่าเราจะต้องไม่เป็นฝ่ายคุยกับคนที่ผิดก่อนทั้งๆที่จริงๆแล้วความผิดของมนุษย์มันเป็นเรื่องราโชมอนมากๆนั่นก็คือไม่มีใครผิดอย่างที่แท้จริงสิ่งต่างๆล้วนผิดเพราะมุมมองของเรามองมันว่าผิด
อย่างเช่นการกระทำบางอย่างของคนในครอบครัวที่เรามองว่าให้อภัยไม่ได้ ทุกอย่างล้วนให้อภัยได้เสมอ
เช่นเราเคยคิดไม่อยากมีครอบครัวเพราะไม่อยากทะเลาะกันเหมือนพ่อกับแม่เราตอนที่เรายังเด็กแต่พอมานั่งคิดดูเราเองก็ทำแบบที่เขาทำนั่นก็คือการทะเลาะและดราม่าใส่กันในครอบครัวและเหตุผลต่างๆมันซับซ้อนเกินกว่าที่เข้าใจ
แต่พอมานั่งคิดตอนนี้เราเคยอ่านหนังสือของป้าหลุยส์เฮย์ชื่อ you can heal you life ซึ่งหนังสือนี้ดูเหมือนจะตลกนะเพราะว่าเขาบอกวิธีแก้ไขโรคต่างๆที่สาเหตุมันดูไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นอยู่จริงๆเลยแต่มีคนหายอย่างปฏิหารย์และป้าหลุยส์เฮย์ก็เป็นผู้รอดชีวิตจากมะเร็ง
เราเลยมองว่าเรื่องนี้มีตรรกที่คล้ายคลึงกันนั่นก็คือถ้าคุณจะแก้ไขปัญหาเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาวของคุณ....
คุณจะต้องแก้ไขปัญหาครอบครัวพ่อแม่พี่น้องของคุณให้ได้ก่อนนั่นก็คือวางเรื่องความรักหนุ่มสาวลงไปเลยก่อน
แล้วหันมามองความรักในครอบครัวของตัวเองว่ามีมากพอหรือยังมีจุดไหนที่ยังแก้ไขได้อีกบ้างไหมตัวเราเองยังบกพร่องด้านไหนบ้างมีด้านไหนบ้างที่เราสามารถพัฒนาได้ด้านไหนบ้างที่เรายังอ่อนเวลาที่เรามองออกไปนอกตัวให้หันมองกลับมาที่ข้างในตัวด้วยว่าเรายังขาดเรื่องอะไรไม่ใช่มองว่าคนอื่นผิดอย่างนั้นอย่างนี้แล้วคุณจะมีครอบครัวที่มีความสุข
พอชีวิตครอบครัวคุณมีความสุขแล้วแน่นอนว่าคุณเข้าใจแล้วว่าครอบครัวที่มีความสุขสร้างได้อย่างไรใช่ไหมคะพอตัวเองถึงเวลาที่ตัวเองมีครอบครัวบ้างก็จะเข้าใจว่าองค์ประกอบอะไรที่ทำให้เกิดครอบครัวที่มีความสุขและสามารถทำให้สิ่งนั้นยั่งยืนได้ในที่สุด
สิ่งที่คุณต้องทำเมื่อคุณรู้สึกว่าคุณเริ่มกระวนกระวายใจเกี่ยวกับเรื่องความรักแล้วนั่นก็คือในระหว่างที่คุณไม่รู้คำตอบหรือคุณไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงคุณควรคิดอย่างแรกคือไม่มีใครสามารถเติมเต็มเราได้ทั้งหมดนะคะไม่ว่าเขาจะเพอร์เฟคแค่ไหนก็ตาม
เหตุผลที่คุณไม่ควรให้อีกฝ่ายหนึ่งมาเติมเต็มชีวิตคุณและคุณจะต้องสามารถเดินได้ด้วยตัวเองนั่นก็คือการที่คุณให้อีกฝ่ายเป็น missing piece หรือชิ้นส่วนที่ขาดหายไปมันจะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณจะต้องมีความสุขโดยมีเขามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้นถ้าหากไม่มีเขาคุณจะไม่มีความสุข
ทั้งๆที่จริงๆแล้วการจะมีความสุขคุณไม่จำเป็นจะต้องนำใครก็ตามมาเป็นส่วนที่ขาดหายหรือนำใครก็ตามมาเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะสำคัญหรือมีผลต่อชีวิตของคุณคุณก็ไม่ควรเอาคนนั้นมาเป็นส่วนที่ขาดหายในชีวิตส่วนที่จะมาเติมเต็มชีวิตคุณอีกข้างหนึ่งอะไรก็ตาม
ง่ายๆคือแนวคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้คนที่จะมาเป็นคู่ของคุณไม่ควรจะเป็นส่วนที่ขาดหายไปของชีวิตคุณควรจะเติมเต็มวงกลมนั้นด้วยตัวเองคุณควรจะมีความสุขได้ด้วยตัวเองก่อนมีความสุขในขนาดที่สามารถที่จะแผ่รังสีให้กับคนรอบข้างได้แล้วคนที่คุณรักจะกลายเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเดินไปด้วยกัน
และไม่ว่าคุณจะสูญเสียความรักไปไม่ต้องรู้สึกเสียศูนย์หรือรู้สึกเสียส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดหายไปเพราะว่าเราสามารถเติมเต็มวงกลมนั้นด้วยตัวเองเราจึงไม่รู้สึกว่าเราขาดอะไรไปเลยเราสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้วต่อให้เราขาดหรือเราเสียคนคนนั้นไปเราก็สามารถอยู่ได้นะคะ
นั่นก็คืออารมณ์ของคุณไม่ควรจะแกว่งเวลาเขาทำดีด้วยก็รู้สึกดีแต่เวลาเขาทำไม่ดีกับเราไม่คุยด้วยหรือไม่ใส่ใจเพิกเฉยเราก็รู้สึกทุกข์ทรมานเราควรจะทำตัวเป็นกลางนั่นก็คือไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับเราเราก็สามารถมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์
ขอให้โชคดีกับความรักทุกคนนะคะ
Cr.ได้แรงบันดาลใจส่วนนึง
จากการสนทนากับ
Nathakrit Tatan Sunthareerat
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Friday May 13, 2022

มาดูความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการเรียนภาษากันนะคะเอาเข้าจริงเนี่ยมีคนเข้าใจผิดเรื่องของการเรียนภาษาอังกฤษอยู่เยอะ
ซึ่งการตั้งเป้าไว้บางอย่างมันทำให้คุณรู้สึกท้อถอยกับการเดินทางในการเรียนภาษาอังกฤษของคุณมากๆเลยนะคะ
เริ่มแรกคุณควรตั้งเป้าฟังให้รู้เรื่องก่อนโดยอาจจะฟังจากนิทานเด็กหรืออะไรก็ได้ที่เป็นของเด็ก
อาจจะดูอนิเมชั่นเด็กแล้วเปิด subtitle ก็ได้นะคะ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเรียนภาษา english
1.ดูซีรีย์จะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษ
การดูซีรีย์ทำให้คุณเพลิดเพลินค่ะและฝึกฟังแต่มันจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าคุณไม่เข้าใจสิ่งที่ฟังหรือไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรกันตั้งแต่แรกมันเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานะคะดังนั้นถ้าอยากจะให้เข้าใจซีรีย์จริงๆคุณควรจะเปิด subtitle ที่เป็นภาษาอังกฤษขึ้นมาด้วยเพื่อดูว่าตัวละครพูดอะไร
2.อ่านมาก่อนฟัง
นี้เข้าใจผิดค่ะคือคนจะฝึกอ่านให้ได้ก่อนแล้วค่อยฟังให้รู้เรื่องซึ่งจริงๆแล้วมันขัดกับธรรมชาติในการหัดของมนุษย์นั่นก็คือเราควรหัดจากการฟังก่อนเพราะการฟังเป็นรากฐานของหลายๆอย่างแล้วการที่สำเนียงภาษาอังกฤษของพวกเราพังพินาศขนาดนี้เพราะว่าเราไม่ได้หัดจากการฟังก่อนเราไปหัดจากการอ่านก่อน นอกจากนี้การเรียนภาษาที่ดีที่สุดคือการ copy เจ้าของภาษาค่ะ copy ทั้งเสียงวิธีการออกเสียงตำแหน่งอวัยวะต่างๆเช่นลิ้นต้องไปแตะจุดไหนของเพดานปาก copy ให้หมด
3.แกรมม่าต้องเป๊ะ
ไม่ใช่ค่ะ ไม่ต้องเป๊ะแต่คุณควรจะสื่อสารให้รู้เรื่องเพราะเอาเข้าจริงไม่มีใครมาใส่ใจแกรมมาคุณขนาดนั้นยกเว้นคุณจะสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือเข้าทำงานสอบ TOEFL TOEIC อะไรแบบนั้น
4.ควรเรียนทุกอย่างให้เป๊ะก่อนแล้วค่อยฝึกใช้ภาษา
ไม่ใช่ค่ะภาษาเป็นเรื่องของการใช้งานดังนั้นคุณต้องใช้งานมันบ่อยๆคุณต้องหัดพูดบ่อยๆฟังบ่อยๆอ่านบ่อยๆเขียนบ่อยๆ
5.ควรอ่านนิยายได้หรือไม่ก็ดูหนังได้
ไม่จำเป็นค่ะภาษาอังกฤษระดับใช้งานได้มันคือการสื่อสารบางครั้งเวลาเราดูหนังไม่รู้เรื่องมันหมายความว่าเราไม่เข้าใจศัพท์ที่อยู่ในวงการนั้นๆมากกว่ายกตัวอย่างเช่นถ้าหากหนังเรื่องนั้นเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนแล้วคุณไม่เข้าใจเรื่องของการสืบสวนสอบสวนหรือหนังเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แล้วคุณไม่มีคลังคำศัพท์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์คุณก็จะดูหนังเรื่องนั้นไม่รู้เรื่องแต่มันไม่จำเป็นค่ะในเมื่อการสื่อสารมันไม่ได้ใช้ศัพท์เยอะขนาดนั้นในชีวิตประจำวันนะคะ
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Thursday May 12, 2022

confirmation bias คืออะไร? | Paras comic | ความเชื่อผิดๆคนทำ NFT
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Monday May 09, 2022

ทำช่อง tiktok วาดๆ ยังไงให้ถึงแสนฟอล
---
Send in a voice message: https://podcasters.spotify.com/pod/show/meisan/message

Copyright 2021 All rights reserved.

Podcast Powered By Podbean

Version: 20241125